แกงเขียวหวานกะทิ

แกงเขียวหวานกะทิ เมนูโบราณที่ใครก็นิยม

แกงเขียวหวานกะทิ เมนูโบราณที่ใครก็นิยม

แกงเขียวหวานกะทิ เป็น อาหารประเภทแกง ที่นิยมทานคู่กับ ข้าวสวย มีประวัติมาตั้งแต่ สมัยอยุธยา เป็นภูมิปัญญาของคนสมัยก่อน ที่เริ่มจากแกงไม่ใส่กะทิ ต่อมาได้มีการดัดแปลงใส่กะทิและพริกแห้งลงไป จนได้มีการประยุกต์มาเป็น แกงเขียวหวาน อย่างปัจจุบัน

แกงเขียวหวานกะทิ

ที่มาของ แกงเขียวหวานกะทิ

แกงเขียวหวาน เป็นแกงกะทิ ที่คนไทยนิยมรับประทาน และเป็นที่ชื่นชอบ ของคนต่างชาติ เป็นอาหารไทยโบราณ ที่มีรสชาติจัดจ้าน ไม่ว่าจะทานกับข้าวสวย หรือเส้นขนมจีนก็ลงตัว จะเห็นได้ว่าส่วนผสม ส่วนใหญ่ทำมาจาก สมุนไพรไทยทั้งสิ้น เช่น ใบโหระพา ใบมะกรูด เป็นต้น ซึ่งสมัยก่อนคนไทยเรา มีแต่น้ำพริกแกงเผ็ด ที่ตำขึ้นมาก็เพื่อทำแกงป่า เน้นตำจากพริกแห้งสีแดง และเมื่อคนไทย ได้เริ่มนำกะทิมาทำกับข้าว โดยใช้กะทิแทนน้ำ ตามแบบฉบับแกงป่า ปรุงสันเติมแต่งรสชาติจนได้ แกงเผ็ด

ต่อมาคนไทย ได้เปลี่ยนพริกแห้งสีแดง หันมาใช้พริกสดสีเขียวแทน และใส่ใบพริกสด ลงไปตำด้วยในน้ำพริกแกงนั้น ๆ เพื่อให้มีสีเขียวที่เด่นชัดขึ้น โดยชนิดของพริก ที่ใช้ก็มีพริกชี้ฟ้า พริกขี้หนู ทั้งนี้ก็จะได้น้ำพริกแกงเขียวหวาน เมื่อนำมาผัดด้วยกะทิ ก็จะได้น้ำแกงกะทิสีเขียว ๆ หวาน ๆ นวล ๆ ตามด้วยเนื้อสัตว์ ปรุงรส เติมผัก ใบมะกรูด ใบโหระพา ฯลฯ คนไทยจึงตั้งชื่อ แกงกะทินี้ว่าแกงเขียวหวาน

บางคนเข้าใจผิดคิดว่า แกงเขียวหวานคือ แกงกะทิสีเขียวที่มีรสชาติหวาน แต่จริง ๆ แล้วแกงเขียวหวาน เป็นแกงกะทิที่มีรสชาติ เค็มนำ ตัดหวานนิด ๆ ส่วนชื่อแกงเขียวหวาน นั้นได้มาจากสีของน้ำแกง เพราะในสมัยโบราณ การปรุงรสแกงเขียวหวานนั้น จะปรุงเพียงแต่รสเค็มเท่านั้น ส่วนรสหวานจะได้จาก ความหวานโดยธรรมชาติ ของกะทิ เนื้อสัตว์ และผัก เช่น มะเขือ ยอดมะพร้าว เป็นต้น

ความนิยมของแกงเขียวหวานกะทิในปัจจุบัน

แกงเขียวหวาน เป็นอีกเมนูหนึ่ง ที่ได้รับความนิยมกันมาก ในหมู่ผู้บริโภคไม่ว่าจะเป็น ข้าวราดแกง หรือรับประทานกับขนมจีน ก็อร่อยไม่น้อย และแกงเขียวหวานในปัจจุบันก็มีหลากหลายแบบ ให้เลือกทาน เช่น แกงเขียวหวานไก่ เนื้อ ลูกชิ้นปลากราย เป็นต้น ซึ่งเนื้อสัตว์ที่จะนำมา ทำแกงเขียวหวาน

ก็สามารถทำเปลี่ยนไปได้เรื่อย ๆ ตามความชอบ หรือถนัดของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็น เนื้อวัว เนื้อหมู ไก่ ปลา กุ้ง ลูกชิ้นปลากราย หรือเมนูผักเพื่อสุขภาพ ก็ได้เช่นเดียวกัน แกงเขียวหวาน มีความหอมของพริกแกง และความหอมของเครื่องเทศ มีรสหวานมันของกะทิ นอกจากจะนิยมรับประทานกับข้าวสวย หรือเส้นขนมจีนแล้ว ยังได้รับความนิยม ทานกับแป้งโรตีเปล่า หรือ แป้งนาน ในร้านอาหารอินเดียวอีกด้วย

คุณค่าทางอาหาร ของแกงเขียวหวาน

จุดเด่นด้านคุณค่า ทางโภชนาการ ของแกงเขียวหวาน ประกอบด้วยโปรตีน ไขมัน ในปริมาณพอสมควร ใยอาหารสูง โดยมาจากมะเขือพวง และส่วนผสมในเครื่องแกง

คุณค่าของสมุนไพรไทย ในเครื่องแกงเขียวหวาน

 – มะเขือพวง ( Eggplant ) : คนโบราณใช้เป็นยาระงับอาการปวด ห้ามเลือด ขับปัสสาวะ รักษาโรคหลอดลม และไขข้ออักเสบ

 – ใบมะกรูด ( Kaffir lime leaves ) : ช่วยป้องกัน และบรรเทาโรคมะเร็ง

 – ใบโหระพา ( Basil ) : แก้จุกเสียด ท้องอืด แน่นท้อง ช่วยเจริญอาหาร

 – พริกชี้ฟ้าเขียว , แดง ( Green, red chili ) : ช่วยเจริญอาหาร ขับลม เป็นยาระบาย ช่วยขับเสมหะ แก้หวัด

 – หัวหอม ( Onion ) : ช่วยบรรเทาอาการหวัด หายใจไม่ออก

 – กระเทียม ( Garlic ) : ช่วยลดระดับ คอเลสเตอรอลในเลือด โรคมะเร็ง การอักเสบ บรรเทาโรคผิวหนังจากเชื้อรา

 – ข่า ( Galangal ) : ช่วยขับลม แก้อาการแน่น จุกเสียด ท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับเสมหะ

 – ตะไคร้ ( Lemon grass ) : ลดอาการจุกเสียด แน่นท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อ

 – รากผักชี ( Coriander root ) : ช่วยขับถ่ายสารพิษออกจากร่างกาย แก้โรคกระเพาะ

 – พริกไทย ( Pepper ) : ช่วยย่อยอาหาร ทำให้รู้สึกสบายท้อง ขับลม ขับเหงื่อ ลดความร้อนในร่างกาย

 – ยี่หร่า ( Caraway ) : ขับลม ช่วยย่อยอาหาร

เป็นอย่างไรกันบ้างครับเพื่อน ๆ ได้ความรู้ของ แกงเขียวหวานกันไปแบบครบถ้วนกันเลยใช่ไหมล่ะครับ ถ้าเพื่อน ๆ คนไหน อยากลองลิ้มรสแกงเขียวหวาน แท้ ๆ ทางเราก็ขอแนะนำร้านอาหารบรรยากาศดี ติดริมน้ำเจ้าพระยา ให้เพื่อน ๆ ได้แวะเวียนกันมาลองชิมอาหาร ซึ่งมีหลากหลายสัญชาติ ให้ได้ลองทาน พร้อมยังมีขนมหวานตบท้ายไว้ให้เพื่อน ๆ สั่งมาล้างปากกันอีกด้วย หากเพื่อน ๆ มาเดินเล่นแถวริมน้ำเจ้าพระยายังไงแล้ว ก็อย่าลืมแวะเข้ามาหาดูเมนูกันได้นะครับ

เครดิตเว็บไซต์ : ufarich777

อ่านวิธีทำอาหารอื่นๆ ติดตามได้ที่ : lot-10