ข้าวหมูแดง

ข้าวหมูแดง หมูกรอบ เมนูสร้างอาชีพ ที่สามารถสร้างรายได้ ได้อย่างแน่นอน

ข้าวหมูแดง หมูกรอบ เมนูสร้างอาชีพ ที่สามารถสร้างรายได้ ได้อย่างแน่นอน

ข้าวหมูแดง ที่สามารถสร้างรายได้ ได้อย่างแน่นอน ถ้าอยากขายอาหารริมทาง หรือเมนู Street Food อิ่มท้อง ข้าวหมูกรอบ ถือเป็นอีกหนึ่งเมนูที่พ่อค้าแม่ค้าไม่ลังเลที่จะลงทุน!  เพราะเปิดง่าย ขายง่าย สร้างรายได้ได้จริง วัตถุดิบหลักมีหมูแดง หมูกรอบ น้ำราด และ ข้าวสวยร้อน ๆ จะทำอย่างไรให้หมูแดง หมูกรอบไม่เหนียวติดฟัน

ข้าวไม่แฉะ น้ำราดอร่อยไม่เหลว อร่อยจนลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ? แอบกระซิบว่าท้ายบทความเรามีแจกคอร์สสอนทำข้าวหมูแดง ข้าวหมูกรอบกันแบบฟรี ๆ แต่ตอนนี้เรามาดูวัตถุดิบ อุปกรณ์ และ คำนวณต้นทุนต่อเสิร์ฟกันก่อนอยากขายอาหารริมทาง หรือเมนู Street Food อิ่มท้อง “ข้าวหมูแดง ข้าวหมูกรอบ”

ถือเป็นอีกหนึ่งเมนูที่พ่อค้าแม่ค้าไม่ลังเลที่จะลงทุน! เพราะเปิดง่าย ขายง่าย สร้างรายได้ได้จริง วัตถุดิบหลักมีหมูแดง หมูกรอบ น้ำราด และข้าวสวยร้อน ๆ จะทำอย่างไรให้หมูแดง หมูกรอบไม่เหนียวติดฟัน ข้าวไม่แฉะ น้ำราดอร่อยไม่เหลว อร่อยจนลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ? แอบกระซิบว่าท้ายบทความเรามีแจกคอร์สสอนทำข้าวหมูแดง ข้าวหมูกรอบกันแบบฟรี ๆ แต่ตอนนี้เรามาดูวัตถุดิบ อุปกรณ์ และคำนวณต้นทุนต่อเสิร์ฟกันก่อน

ข้าวหมูแดง

แนะนำคอร์สเรียนออนไลน์ฟรี! หลักสูตร “ ข้าวหมูแดง หมูกรอบ สูตรภัตตาคาร ” 

สอนโดย เชฟโอ๋ ญาณัช มะอาจเลิศ ผู้สอนโรงเรียนการวางอาหารไทยเอ็มเอสซี และ อนุกรรมการสมาคมเชฟแห่งประเทศไทย 

  • ตั้งแต่อุปกรณ์ชั่ง ตวง วัด พื้นฐานที่ต้องรู้
  • วิธีเลือกข้าว และวิธีหุงข้าว
  • วิธีทำหมูแดง หมูกรอบ 
  • วิธีการทำน้ำราดข้าวหมูแดง-หมูกรอบ และน้ำจิ้ม
  • การต้มน้ำซุปและเตรียมเครื่องเคียง
  • วิธีการจัดจาน การคิดคำนวณต้นทุนและการเพิ่มมูลค่าอาหาร

วิธีการทำข้าวหมูแดง

  1. ทุบรากผักชี และกระเทียม (ไม่ต้องปอกเปลือก) เพราะว่าเครื่องต่างๆ เอาไว้หมักเพื่อความหอมเท่านั้น
  2. นำเนื้อหมูสันในมาจิ้มด้วย ที่ทิ่มหมูกรอบ เพื่อให้ส่วนผสมซึมเข้าไปในเนื้อหมูมากขึ้น ทำทั้งสองด้าน เหตุที่ใช้เนื้อหมูสันใน เพราะว่าเมื่อนำไปย่างแล้วจะนุ่ม ไม่กระด้างและไม่แข็งจนเกินไป เหมาะที่จะนำมาทำเป็นหมูแดง
  3. คลุกเคล้าเครื่องปรุงทั้งหมดให้เข้ากัน เริ่มจากน้ำตาลทราย น้ำปลา พริกไทยป่น ผงพะโล้ สีผสมอาหารสีแดง ลงในชามผสมอาหารสเตนเลส
  4. หมูแดงจะรสชาติหวานเค็ม ต้องใส่น้ำตาลมากเป็นพิเศษซึ่งน้ำตาลจะช่วยทำให้หมูแดงที่นำไปย่างมีความมันเงาบนเนื้อของหมู
  5. ใส่ผักชีและกระเทียมที่ทุบแล้วลงไป ใส่หมูสันในลงไป
  6. ขยำเครื่องปรุงต่าง ๆ ให้เข้าไปในเนื้อหมูสันใน จากนั้นทิ้งไว้ 1 คืน หรือหากมีเวลาจำกัด อาจทิ้งไว้ซัก 2 ชั่วโมงก็สามารถนำเนื้อหมูสันในที่ผ่านการหมักมาย่างได้
  7. นำหมูแดงเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 200 องศา 40 นาที ส่วนน้ำหมักหมูแดงอย่าเพิ่งทิ้ง สามารถนำมาใช้ทำน้ำหมูแดงต่อได้

เครดิตเว็บไซต์ : UFABET เว็บตรง

อ่านบทความอื่น ๆ ได้ที่ : lot-10

หอยทอด

หอยทอด สัมผัสรสชาติแห่งท้องทะเลในแบบฉบับไทย

หอยทอด สัมผัสรสชาติแห่งท้องทะเลในแบบฉบับไทย

หอย ทอด เป็นหนึ่งในเมนู อาหารไทย ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบชายทะเล และ ใจกลางเมืองที่มีการผสมผสานระหว่างวัตถุดิบสดใหม่ และ เทคนิคการปรุงที่หลากหลาย เมนูนี้ไม่เพียงแต่เน้นถึงรสชาติของหอยที่สด และ ฉ่ำน้ำเท่านั้น

แต่ยังรวมถึงการผสมผสานของแป้ง และ เครื่องเทศที่ให้กลิ่นหอม และ รสชาติอาหาร ที่ไม่เหมือนใคร หอยทอดจึงไม่เพียงเป็นเมนูที่นิยมในหมู่คนไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวที่ต้องการลิ้มลองอาหารท้องถิ่นแสนอร่อย

หอยทอด

ส่วนผสม และปริมาณ ของ หอยทอด

  •  หอยแมลงภู่สด 500 กรัม
  •  แป้งทอดกรอบ 150 กรัม
  •  ไข่ไก่ 2 ฟอง
  •  น้ำเย็น 200 มิลลิลิตร
  •  ถั่วงอก 100 กรัม
  •  ต้นหอมซอย 2 ต้น
  •  ใบกุยช่ายซอย 1/4 ถ้วย
  •  พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
  •  เกลือ 1/2 ช้อนชา
  •  น้ำมันสำหรับทอด

วิธีทำหอยทอด

  1. เตรียมหอยแมลงภู่ : ล้างหอยแมลงภู่ให้สะอาด และ คัดเอาเฉพาะเนื้อหอย
  2. ผสมแป้ง : ในชามใหญ่ ผสมแป้งทอดกรอบกับน้ำเย็น ตามด้วยไข่ไก่ คนจนเข้ากันดี
  3. เติมหอย และ ผัก : เติมเนื้อหอยแมลงภู่ ถั่วงอก ต้นหอม ใบกุยช่าย พริกไทยป่น และ เกลือลงในแป้ง คนให้เข้ากัน
  4. ทอดหอย : ใส่น้ำมันในกระทะให้ร้อนกลาง ใช้ช้อนตักส่วนผสมหอยลงทอดในน้ำมันร้อนจนกรอบ ตักขึ้น และ พักให้สะเด็ดน้ำมัน

 เคล็ดลับ

  •  การเลือกใช้หอยแมลงภู่ที่สด และ คุณภาพดี เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ในการทำหอยทอดให้อร่อย
  •  ควรใช้น้ำเย็น ในการผสมแป้ง เพื่อช่วยให้แป้งกรอบขึ้น เมื่อทอด
  •  อย่าทอดด้วยไฟแรงเกินไป เพราะอาจทำให้ หอยทอดไหม้ด้านนอก แต่ด้านในยังไม่สุก

เครดิตเว็บไซต์ : ufarich777

อ่านวิธีทำอาหารอื่นๆ ติดตามได้ที่ : lot-10

แกงเขียวหวานกะทิ

แกงเขียวหวานกะทิ เมนูโบราณที่ใครก็นิยม

แกงเขียวหวานกะทิ เมนูโบราณที่ใครก็นิยม

แกงเขียวหวานกะทิ เป็น อาหารประเภทแกง ที่นิยมทานคู่กับ ข้าวสวย มีประวัติมาตั้งแต่ สมัยอยุธยา เป็นภูมิปัญญาของคนสมัยก่อน ที่เริ่มจากแกงไม่ใส่กะทิ ต่อมาได้มีการดัดแปลงใส่กะทิและพริกแห้งลงไป จนได้มีการประยุกต์มาเป็น แกงเขียวหวาน อย่างปัจจุบัน

แกงเขียวหวานกะทิ

ที่มาของ แกงเขียวหวานกะทิ

แกงเขียวหวาน เป็นแกงกะทิ ที่คนไทยนิยมรับประทาน และเป็นที่ชื่นชอบ ของคนต่างชาติ เป็นอาหารไทยโบราณ ที่มีรสชาติจัดจ้าน ไม่ว่าจะทานกับข้าวสวย หรือเส้นขนมจีนก็ลงตัว จะเห็นได้ว่าส่วนผสม ส่วนใหญ่ทำมาจาก สมุนไพรไทยทั้งสิ้น เช่น ใบโหระพา ใบมะกรูด เป็นต้น ซึ่งสมัยก่อนคนไทยเรา มีแต่น้ำพริกแกงเผ็ด ที่ตำขึ้นมาก็เพื่อทำแกงป่า เน้นตำจากพริกแห้งสีแดง และเมื่อคนไทย ได้เริ่มนำกะทิมาทำกับข้าว โดยใช้กะทิแทนน้ำ ตามแบบฉบับแกงป่า ปรุงสันเติมแต่งรสชาติจนได้ แกงเผ็ด

ต่อมาคนไทย ได้เปลี่ยนพริกแห้งสีแดง หันมาใช้พริกสดสีเขียวแทน และใส่ใบพริกสด ลงไปตำด้วยในน้ำพริกแกงนั้น ๆ เพื่อให้มีสีเขียวที่เด่นชัดขึ้น โดยชนิดของพริก ที่ใช้ก็มีพริกชี้ฟ้า พริกขี้หนู ทั้งนี้ก็จะได้น้ำพริกแกงเขียวหวาน เมื่อนำมาผัดด้วยกะทิ ก็จะได้น้ำแกงกะทิสีเขียว ๆ หวาน ๆ นวล ๆ ตามด้วยเนื้อสัตว์ ปรุงรส เติมผัก ใบมะกรูด ใบโหระพา ฯลฯ คนไทยจึงตั้งชื่อ แกงกะทินี้ว่าแกงเขียวหวาน

บางคนเข้าใจผิดคิดว่า แกงเขียวหวานคือ แกงกะทิสีเขียวที่มีรสชาติหวาน แต่จริง ๆ แล้วแกงเขียวหวาน เป็นแกงกะทิที่มีรสชาติ เค็มนำ ตัดหวานนิด ๆ ส่วนชื่อแกงเขียวหวาน นั้นได้มาจากสีของน้ำแกง เพราะในสมัยโบราณ การปรุงรสแกงเขียวหวานนั้น จะปรุงเพียงแต่รสเค็มเท่านั้น ส่วนรสหวานจะได้จาก ความหวานโดยธรรมชาติ ของกะทิ เนื้อสัตว์ และผัก เช่น มะเขือ ยอดมะพร้าว เป็นต้น

ความนิยมของแกงเขียวหวานกะทิในปัจจุบัน

แกงเขียวหวาน เป็นอีกเมนูหนึ่ง ที่ได้รับความนิยมกันมาก ในหมู่ผู้บริโภคไม่ว่าจะเป็น ข้าวราดแกง หรือรับประทานกับขนมจีน ก็อร่อยไม่น้อย และแกงเขียวหวานในปัจจุบันก็มีหลากหลายแบบ ให้เลือกทาน เช่น แกงเขียวหวานไก่ เนื้อ ลูกชิ้นปลากราย เป็นต้น ซึ่งเนื้อสัตว์ที่จะนำมา ทำแกงเขียวหวาน

ก็สามารถทำเปลี่ยนไปได้เรื่อย ๆ ตามความชอบ หรือถนัดของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็น เนื้อวัว เนื้อหมู ไก่ ปลา กุ้ง ลูกชิ้นปลากราย หรือเมนูผักเพื่อสุขภาพ ก็ได้เช่นเดียวกัน แกงเขียวหวาน มีความหอมของพริกแกง และความหอมของเครื่องเทศ มีรสหวานมันของกะทิ นอกจากจะนิยมรับประทานกับข้าวสวย หรือเส้นขนมจีนแล้ว ยังได้รับความนิยม ทานกับแป้งโรตีเปล่า หรือ แป้งนาน ในร้านอาหารอินเดียวอีกด้วย

คุณค่าทางอาหาร ของแกงเขียวหวาน

จุดเด่นด้านคุณค่า ทางโภชนาการ ของแกงเขียวหวาน ประกอบด้วยโปรตีน ไขมัน ในปริมาณพอสมควร ใยอาหารสูง โดยมาจากมะเขือพวง และส่วนผสมในเครื่องแกง

คุณค่าของสมุนไพรไทย ในเครื่องแกงเขียวหวาน

 – มะเขือพวง ( Eggplant ) : คนโบราณใช้เป็นยาระงับอาการปวด ห้ามเลือด ขับปัสสาวะ รักษาโรคหลอดลม และไขข้ออักเสบ

 – ใบมะกรูด ( Kaffir lime leaves ) : ช่วยป้องกัน และบรรเทาโรคมะเร็ง

 – ใบโหระพา ( Basil ) : แก้จุกเสียด ท้องอืด แน่นท้อง ช่วยเจริญอาหาร

 – พริกชี้ฟ้าเขียว , แดง ( Green, red chili ) : ช่วยเจริญอาหาร ขับลม เป็นยาระบาย ช่วยขับเสมหะ แก้หวัด

 – หัวหอม ( Onion ) : ช่วยบรรเทาอาการหวัด หายใจไม่ออก

 – กระเทียม ( Garlic ) : ช่วยลดระดับ คอเลสเตอรอลในเลือด โรคมะเร็ง การอักเสบ บรรเทาโรคผิวหนังจากเชื้อรา

 – ข่า ( Galangal ) : ช่วยขับลม แก้อาการแน่น จุกเสียด ท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับเสมหะ

 – ตะไคร้ ( Lemon grass ) : ลดอาการจุกเสียด แน่นท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อ

 – รากผักชี ( Coriander root ) : ช่วยขับถ่ายสารพิษออกจากร่างกาย แก้โรคกระเพาะ

 – พริกไทย ( Pepper ) : ช่วยย่อยอาหาร ทำให้รู้สึกสบายท้อง ขับลม ขับเหงื่อ ลดความร้อนในร่างกาย

 – ยี่หร่า ( Caraway ) : ขับลม ช่วยย่อยอาหาร

เป็นอย่างไรกันบ้างครับเพื่อน ๆ ได้ความรู้ของ แกงเขียวหวานกันไปแบบครบถ้วนกันเลยใช่ไหมล่ะครับ ถ้าเพื่อน ๆ คนไหน อยากลองลิ้มรสแกงเขียวหวาน แท้ ๆ ทางเราก็ขอแนะนำร้านอาหารบรรยากาศดี ติดริมน้ำเจ้าพระยา ให้เพื่อน ๆ ได้แวะเวียนกันมาลองชิมอาหาร ซึ่งมีหลากหลายสัญชาติ ให้ได้ลองทาน พร้อมยังมีขนมหวานตบท้ายไว้ให้เพื่อน ๆ สั่งมาล้างปากกันอีกด้วย หากเพื่อน ๆ มาเดินเล่นแถวริมน้ำเจ้าพระยายังไงแล้ว ก็อย่าลืมแวะเข้ามาหาดูเมนูกันได้นะครับ

เครดิตเว็บไซต์ : ufarich777

อ่านวิธีทำอาหารอื่นๆ ติดตามได้ที่ : lot-10

ผัดฉ่าปลาดุก

ผัดฉ่าปลาดุก มีพลังงานและสารอาหารอย่างมาก

ผัดฉ่าปลาดุก มีพลังงาน และ สารอาหารอย่างมาก

ผัดฉ่าปลาดุก ซึ่งใครชอบอาหารรสจืดคงต้องผ่านไปก่อน เพราะ เมนูผัดฉ่า เหมาะกับขาแซ่บเท่านั้น โดยเฉพาะเมนูผัดฉ่าปลาที่ใคร ๆ ก็ทำกินกัน กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำปลาดุกผัดฉ่า สูตรจาก ทางเว็บไซต์ของเรา สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม จับปลาดุกไปทอดจนสุกแล้วเอามาผัดกับเครื่องโขลก และ สมุนไพร ผัดจนแห้งเอามาคลุกกับข้าวสวยสุดฟิน โดยที่มีข้อมูลโภชนาการ, แคลอรี่, พลังงาน และ สารอาหารในผัดฉ่าปลาดุก ในปริมาณ 1 place มีพลังงานทั้งหมด 75 กิโลแคลอรี่, โปรตีน 6.8 กรัม, คาร์โบไฮเดรต 0 กรัม, ไขมัน 5.9 กรัม เราสามารถดูรายละเอียดข้อมูลอื่นๆ เข่น เกลือโซเดียม, คอเลสเตอรอล, วิตามิน, ไขมันอิ่มตัว, ไขมันไม่อิ่มตัว, น้ำตาล, กากไยอาหาร ฯลฯ 

ผัดฉ่าปลาดุก

ผัดฉ่าปลาดุกทะเล ที่อยู่อาศัย และ วิธีการจับ

ปลาดุกทะเลมักอาศัยบริเวณพื้นน้ำที่เป็นดินโคลน และมักจะทำรูในดินโคลนเป็นที่อยู่อาศัย บ้างก็ซอกหลืบของขอนไม้ และที่ที่เป็นโพรง ยามที่ออกหากินมักจะออกช่วงน้ำขึ้นไหลเชี่ยว ส่วนใหญ่จับได้ตัวด้วยเบ็ด เบ็ดราว อวน และแห บ้างก็ใช้ไซดักตามร่องน้ำที่ปลาออกหากิน ปลาดุกเล ชาวใต้เรียกปลามิหลัง หรือบิหลัง นิยมกินกันมากเมื่อตลาดมีสินค้า บ้างก็แกงกะทิ บ้างก็แกงเผ็ด ตลอดจนแกงส้ม และแกงคั่ว เน้นที่รสจัดจ้าน แล้วแต่บ้านไหนถนัดเมนูอะไร จัดเป็นปลาเนื้อนุ่ม นิ่มเนียน แต่มีเมือกค่อนข้างแยะ

ส่วนผสม ผัดฉ่าปลาดุก

      • เนื้อปลาดุกหั่นชิ้น

      • พริกสด

      • กระเทียม

      • กระชาย

      • พริกไทยสด

      • ใบมะกรูด

      • พริกชี้ฟ้า

      • ใบกะเพรา

      • น้ำปลา

      • ผงปรุงรส (รสดี)

      • น้ำตาลทราย

      • น้ำปู หรือซีอิ๊วมาเลย์

      • น้ำมันพืช

วิธีทำ ผัดฉ่าปลาดุก

วิธีคลายเมือกแบบง่าย ๆ คือเอาเกลือทาแล้วล้างออกสัก 3-4 น้ำ จับผิวดูไม่ลื่นเมือกเป็นใช้ได้ ทอดเนื้อปลาดุกเลด้วยไฟแรง ให้ผิวนอกกรอบ ผิวในก็จะยิ่งนุ่ม ตักขึ้นพักไว้

ตำพริกกับกระเทียม หรือจะสับแบบหยาบ ๆ ก็ดูสวยน่ากิน ผัดกับน้ำมันจนพริกหอม แล้วใส่หัวปลาลงไปก่อน เพราะไม่ได้ทอดเหมือนเนื้อปลา ใส่กระชายลงไปผัดพร้อมหัวปลาจนใกล้สุก

เมื่อหัวใกล้สุกก็ใส่เนื้อปลาที่ทอดแล้วลงไป เติมน้ำปลา รสดี ตัดน้ำตาล ใส่น้ำปูหรือซีอิ๊วมาเลย์ แล้วตามด้วยผักที่เตรียมไว้ เร่งไฟให้แรง เพื่อที่จะได้ผัดแบบไม่เจิ่งน้ำ มาแบบแห้ง ๆ รสชาติมาจัด ๆ

ความอร่อยของผัดฉ่าคือกลิ่นต้องมาก่อน ทั้งกระชายกับใบมะกรูดมีความหอมเต็มที่ พริกที่เคลือบผิวก็ส่งกลิ่นพร้อมกับความเผ็ดดุดัน เนื้อปลานุ่มผิวกรอบ รสชาติเค็มเผ็ดซึมซับไว้ที่เนื้อ ผัดแห้ง ๆ แบบนี้คอเหล้ามักจะชอบนั่นเอง

เครดิตเว็บไซต์ : ufarich777

อ่านวิธีทำอาหารอื่นๆ ติดตามได้ที่ : lot-10

แกงเขียวหวาน

แกงเขียวหวาน อาหารไทยนี้ มีดีอย่างไร ?

แกงเขียวหวาน อาหารไทยนี้ มีดีอย่างไร ?

แกงเขียวหวาน อาหารไทย นี้มีดีอย่างไร ซึ่งปกติแล้ว หากพูดถึงบรรดากับข้าวแกงไทย เราก็มักนึกถึง “แกงเขียวหวาน” ด้วย แต่แปลกที่อาหารที่มีมาช้านาน มักโดนกล่าวหาว่า เป็นอาหารทำลายสุขภาพไปเสียนี่ เรามาดูกันดีกว่าว่า เราจะกิน แกงเขียวหวานกะทิ ให้ดีต่อสุขภาพได้อย่างไรบ้าง

  • เขียวหวาน ที่มีกะทิเป็นส่วนประกอบ ซึ่งให้ไขมันแก่ร่างกาย การรับประทานอย่างพอดีคือ ตักรับประทานเป็นเครื่องราดข้าวบ้างบางคำ ไม่ใช่การโถมสาดบนข้าวให้กลายเป็นข้าวต้ม การรับประทานแบบนี้จะทำให้ได้รับรสของเขียวหวานอย่างเต็มที่และไม่เลี่ยนกะทิจนเกินไป
  • มะเขือเปราะที่ใส่ในแกงเขียวหวาน นอกจากจะมีใยอาหารในปริมาณสูงแล้ว มีสารพฤกษเคมีหลายชนิด เช่น Capresterol Diosgenin Solanine และสารกลุ่มอัลคาลอยด์อื่น ๆ ซึ่งอยู่ในปริมาณที่รองรับสรรพคุณต่อสุขภาพได้ เช่น ชะลอการดูดซึมคาร์โบไฮเดรต ทำให้น้ำตาลในเลือดไม่สูงไวเกินไป นอกจากนี้สรรพคุณในการต้านมะเร็งก็น่าสนใจเช่นกัน เพราะมีสาร solasodine rhamnosyl glycosides (SRGs) ซึ่งมีงานวิจัยรองรับว่า อาจลดโอกาสการเกิดมะเร็งได้ และในทางแพทย์แผนโบราณพบว่า การบริโภคมะเขือเปราะช่วยในการควบคุมความดันโลหิต บำรุงหัวใจได้อีกด้วย
  • บางสูตรก็มีการเพิ่มมะเขือพวงเข้าไป คุณประโยชน์ก็คล้ายกับกันมะเขือเปราะ แต่จะให้กลิ่นและรสที่เข้มข้นกว่า อาจฝาดกว่า เพราะสารพฤกษเคมีต่าง ๆ เข้มข้นอัดแน่นกว่าด้วย ใครใคร่มะเขือชนิดใดก็เลือกรับประทานชนิดนั้นก็ได้
  • เนื้อสัตว์ที่ใส่ในแกงเขียวหวาน ก็ตามแต่ความชอบ หากใส่เป็นลูกชิ้นปลากรายก็จะได้รับโปรตีน โดยมีไขมันต่ำหน่อย เช่นเดียวกันกับเนื้อไก่ แต่หากใครประยุกต์ใส่เนื้อหมูติดมัน ก็ระวังเรื่องไขมันอิ่มตัวบ้าง และเป็นเหตุผลอย่างยิ่งที่ควรจะกินมะเขือเข้าไปด้วย หากใส่หมูติดมัน
  • ปิดท้ายด้วย น้ำมันหอมระเหยจากใบมะกรูดที่โรย ช่วยขับลมและออกฤทธิ์แนว Aromatherapy ให้ผ่อนคลายขณะรับประทานได้

และทั้งหมดนี้ จะเป็นแกงเขียวหวานถุงทั่วไปราคา 50 บาท หรือ 250 บาทก็สามารถได้คุณประโยชน์ข้างต้นทั้งหมดเหมือนกัน จะดีกว่าหากปรุงเองเพราะนอกจากช่วยประหยัดงบประมาณครอบครัวแล้ว เรายังสามารถควบคุมคุณภาพส่วนประกอบเองได้อีกด้วย และอย่าลืมรับประทานแต่พอดี เสริมไข่ต้ม และ เมนูอื่น ๆ ที่ไม่มันนัก ร่วมในมื้อนี้ ย่อมเป็นมื้ออร่อย สุขภาพดีแน่นอน

แกงเขียวหวาน

ส่วนผสม แกงเขียวหวาน กะทิไก่ใส่มะเขือเปราะ

  • สะโพกไก่. (สับพอดีคำ) 1 ชิ้น
  • มะเขือเปราะ. (ผ่า 4 ชิ้น) 5 ลูก
  • เครื่องแกงกะทิ 1 ช้อนโต๊ะ
  • กะปิ. 1 ช้อนชา
  • กะทิ. 250 มล
  • ผงเติมทิพ 1 ช้อนชา
  • น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
  • เกลือ. เล็กน้อย
  • ใบมะกรูด (ฉีกเอาก้านตรงออก) 3 ใบ
  • พริกขี้หนูแดง (ผ่าครึ้ง) 3 เม็ด

ขั้นตอนการทำแกงเขียวหวานกะทิไก่ใส่มะเขือเปราะ

  1. วิธีเตรียมไก่!…. นำตะโพกไก่ สับพอดีคำ ล้างให้สะอาดพักให้สเด็ดน้ำ
  2. วิธีเตรียมมะเขือเปราะ!..นำมะเขือเปราะ ผ่า 4 ซีกแช่น้ำไม่ให้ดำ
  3. วิธีเตรียมเครื่องแกง!…นำเครี่องแกงผสมกะปิละลายน้ำ ตั้งไว้
  4. วิธีทำ!..นำกะทะตั้งไฟ ปานกลางใส่น้ำกะทิใส่เครื่องแกงุกะทิ ผสมกะปิ ที่เราเตรียมไว้
  5. ผัดให้หอมใส่ไก่ ผัดให้ไก่เข้าเครื่องแกง
  6. เทใส่หม้อ ใส่น้ำกะทิเพิ่ม รอให้ไก่สุก 
  7. มะเขือเปราะ  คนให้เข้ากัน – ปรุงรส!.. ใส่ ผงเติมทิพ น้ำตาลปี๊บ เกลือ ชิมรสตามใจชอบ ปิดไฟ
  8. ตักใส่ถ้วย แต่งหน้าด้วย พริกขี้หนูแดงผ่าครึ้ง ใส่ใบมะกรูด จัดเสริฟ กินคู่ ข้าวสวยร้อนๆ

เครดิตเว็บไซต์ : ufarich777

อ่านวิธีทำอาหารอื่นๆ ติดตามได้ที่ : lot-10

แกงจืด

แกงจืด ประโยชน์ที่ใครหลายคนยังไม่รู้ !!

แกงจืด ประโยชน์ที่ใครหลายคนยังไม่รู้ !!

แกงจืด ประโยชน์ที่ใครหลายคนยังไม่รู้ ซึ่งสำหรับในโลกยุคดิจิตอลที่ไลฟ์สไตล์ของทั้งลูก และ พ่อแม่ต่างไม่มีเวลา เด็กลืมตามาก็อยู่หน้า ไอโฟน ไอแพด หรือ แท็บเล็ต ส่วนพ่อแม่ก็ไม่มีเวลาดูแล ส่งผลเรื่องอาหารการกินของเด็กๆ ถูกละเลย มักจะมองหาอาหารที่หยิบรับประทานง่ายอย่าง “อาหารขยะ” พวกขนมกรุบกรอบ หรือฟาสต์ฟูด ซึ่งมีคุณค่าทางอาหารน้อย อย่างไรก็ตามยังมีเด็กอีกกลุ่มหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่ใส่ใจด้านอาหารการกิน ดูแลทำอาหารที่มีประโยชน์เหมาะสมกับทุกเพศทุกวัยอย่าง เมนูแกงจืด เป็นเมนูที่ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศจีน เชื่อกันว่าซุปเป็นแหล่งเสริมสารอาหารที่ดี คนไทยและคนเอเชียได้คิดค้นการปรุงเมนูแกงจืดหรือซุปที่หลากหลาย รวมถึงอาหารประเภทก๋วยเตี๋ยวและเมนูอื่น ๆอีกมากมาย

โภชนาการที่ดีมีคุณประโยชน์ต่อเด็ก ถือเป็นเรื่องสำคัญที่คุณแม่ยุคดิจิตอลไม่ควรปล่อยปละละเลย  คุณแม่ยุคใหม่ที่ไม่มีเวลามากนักในการทำอาหาร เพราะต้องรับบทหนักงานนอกบ้าน ทำให้อาหารการกินของเด็กๆน่าเป็นห่วง อาหารที่คุณแม่ทำอยู่เป็นประจำอาจจะไม่อร่อยและไม่มีคุณค่าเท่าที่ควร

เพราะด้วยเวลาที่จำกัดทำให้ไม่มีเวลาใส่ใจ  วันนี้เราจึงขอแนะนำเมนูที่ดีอย่างแกงจืดลูกชิ้นกุ้ง ซึ่งน้ำซุปที่ดีควรเคี่ยวนานประมาณ 8 ชั่วโมง เพื่อให้ได้รสชาติและมีโปรตีนขนาดเล็ก และกรดอะมิโนอิสระออกมาจากกระดูกอยู่ในน้ำซุป ซึ่งเชื่อว่าถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น แล้วจึงเติมเนื้อสัตว์ และผักลงไปสุดท้าย ต้มพอสุกนิ่ม เพื่อรักษาวิตามิน

เพราะการต้มผักเป็นเวลานานอาจจะทำให้สูญเสียวิตามินได้โดยเฉพาะเด็กในยามป่วย ในช่วงเข้าหน้าฝนนี้ เด็กอาจไม่เจริญอาหาร จึงเป็นอาหารอ่อนที่เหมาะมาก เพราะมีการปรุงให้นุ่ม ยุ่ย กลืนและเคี้ยวง่าย จะทำให้เด็กเจริญอาหารมากขึ้น ได้รับสารอาหารที่จำเป็น

และ สามารถหัดให้เด็กกินผักบางชนิดได้ โดยใส่ผสมไปกับการปรุง สำหรับผักที่เคี้ยวยากก็จะนุ่มลง ความขมหายไป ทำให้ได้รับโปรตีน วิตามิน และไฟเบอร์จากผักต่างๆ สารอาหารเหล่านี้มีส่วนช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่สึกหรอ และพัฒนาการทางร่างกายของเด็ก

แต่ถ้าคุณแม่ยุคใหม่ไม่มีเวลามากขนาดนั้นก็ต้องหาตัวช่วยที่ทำจากธรรมชาติ และให้คุณค่าเท่ากับการเคี่ยว 8 ชั่วโมง แค่นี้คุณแม่ก็สามารถทำอาหารที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ อร่อยถูกปากคุณลูก เช่นแกงจืดรสชาติอร่อยกลมกล่อมได้แล้ว

แกงจืด

ส่วนผสม แกงจืด ลูกชิ้นกุ้ง

ลูกชิ้นกุ้ง

ต้นหอม

ผักชี

ผักกาดขาว

กระเทียมเจียว

ซุปก้อนคนอร์

น้ำตาล

เกลือ

น้ำเปล่า

วิธีทำเมนูแกงจืดลูกชิ้นกุ้ง

ขั้นตอนแรกเทน้ำใส่หม้อรอจนเดือดในผักกาดที่หั่นพอดีคำ รอสักพักให้ผักกาดสุกแล้วใส่ลูกชิ้นกุ้ง และเต้าหู้ ต่อจากนี้ก็คือการปรุงรสชาติ ด้วย เกลือ น้ำตาล ซุปก้อนคนอร์ กระเทียมเจียว ชิมรสชาติ ก่อนจะปิดไฟให้ใส่ ต้นหอม และผักชีหั่น แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยสำหรับเมนู ต้มจืดลูกชิ้นกุ้ง ในวันนี้ น่าทานไหมคะ เป็นเมนูง่ายๆที่สามารถทำทานเองได้ง่ายๆ แม่บ้านมือใหม่ก็สามารถทำทานเองได้ง่ายได้เลย

เครดิตเว็บไซต์ : ufarich777

อ่านวิธีทำอาหารอื่นๆ ติดตามได้ที่ : lot-10

ข้าวผัด

ข้าวผัด ทำไมถึงต้องใช้ข้าวเย็นๆ ในการทำถึงจะอร่อย?

ข้าวผัด ทำไมถึงต้องใช้ข้าวเย็นๆ ในการทำถึงจะอร่อย?

ข้าวผัด รู้หรือไม่ว่าทำไม? ถึงต้องใช้ข้าวสวยเย็น ๆ ในการทำจึงจะอร่อย ให้ท่านลองสังเกตข้าวสวยที่เราตักจากขึ้นหม้อ จะเห็นว่าข้าวจะมีความนุ่ม และ มีควันออกมาจากความร้อนในข้าว ซึ่งข้าวที่เพิ่งหุงเสร็จใหม่ ๆ นี้เหมาะที่จะกินเป็นข้าวสวยคู่อาหารมาก ๆ เพราะกำลังร้อน ๆ นุ่ม และ หอมที่สุด

นี่แหละ! คือเหตุผลที่ไม่ควรใช้ข้าวสวยร้อนๆ ไปทำ “ข้าวผัดทั่วไป” เพราะข้าวผัดควรจะมีเม็ดข้าวที่ร่วน ไม่เละ ไม่จับเป็นก้อน
การใช้ข้าวสวยร้อน ๆ ไปทำข้าวผัดอาจจะได้ข้าวผัดที่แฉะหรือเละได้ ยิ่งถ้าเผลอผัดนานเกินก็ทำให้ข้าวไม่เป็นเม็ดสวยเหมือนเดิม พลอยให้รู้สึกไม่น่ากินไปเสียอย่างนั้น

การใช้ข้าวสวยเย็น ๆ จึงเป็นตัวเลือกสำหรับคนที่อยากทำ “ข้าวผัดทั่วไป” ให้ได้เม็ดข้าวที่ร่วน สวยเต็มเม็ด ไม่แฉะ ไม่จับเป็นก้อน เพราะมีความชื้นในเม็ดข้าวน้อย ข้าวไม่นุ่มจนเกินไป ทำให้เวลาผัดไม่โดนตะหลิวบดจนเละ สามารถผัดข้าวได้ง่ายขึ้น!

ข้าวผัด

การเลือกใช้ข้าวสำหรับในการทำ ข้าวผัด

นอกจากการเลือกใช้ข้าวเย็นในการทำข้าวผัดแล้ว ยังมีทริค และ ข้อควรระวังในการผัดข้าวอีก คือ ไม่ควรผัดนานเกิน และ ไม่ควรใช้ตะหลิวบดบี้เม็ดข้าว ยังมีเรื่องของการปรุงรส และ การใช้ไฟ ที่จะต้องมีจังหวะไฟแรง-ไฟอ่อนอีกด้วย

แม้ข้าวผัดจะมีคนเรียกชื่อเล่น ๆ อีกอย่างว่าเมนูสิ้นคิด เพราะเป็นเหมือนเมนูล้างตู้เย็นที่เปิดเจออะไรก็เอามาใส่ผักได้เกือบหมด

แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นเมนูยอดนิยมที่ทำได้ง่าย ได้ปรุงรสตามใจชอบ และ มีความอิสระในการทำมาก ๆ แบบที่เรียกได้ว่าชอบรสไหนก็ปรุง ชอบเนื้ออะไรก็ใส่ ไม่ว่าจะหมู ไก่ กุ้ง หรือไส้กรอก

รู้หรือไม่? ข้าวผัดอาหารธรรมดาสามารถทำได้จากข้าวสุกข้ามวัน

นอกจากนี้ยังเป็นการลด Food Waste อีกด้วย โดยสามารถใช้ข้าวสวยที่เหลือจากมื้อก่อน ๆ มาทำได้ ใครที่เวลามีข้าวเหลือแล้วชอบเอาไปทิ้ง หรือเอาไปทำแต่ข้าวต้ม ก็ลองเอามาทำ “ข้าวผัดทั่วไป” ดูได้นะ

สำหรับเมนู ข้าวผัดทั่วไป ข้าวธรรมขอแนะนำ “ข้าวหอมมะลิ (กลางปี)” ถุงสีชมพูถุงนี้เลย!
ข้าวหอมมะลิ 100% หอมแต่ไม่นุ่มเกินไป สามารถทำข้าวผัดได้ ข้าวสวยเต็มเม็ด!

เครดิตเว็บไซต์ : ufarich777

อ่านวิธีทำอาหารอื่นๆ ติดตามได้ที่ : lot-10

ทานอาหารมื้อดึก

ทานอาหารมื้อดึก กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อคุณหยุดทาน

ทานอาหารมื้อดึก กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อคุณหยุดทาน

ทานอาหารมื้อดึก กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อคุณหยุดทาน ซึ่งมีคนจำนวนไม่น้อยที่ ชอบทานอาหารตอนกลางคืน โดยเฉพาะบรรดา ขนมจุบจิบ ทั้งหลาย แต่คุณเคยสงสัยไหมว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกาย ถ้าคุณหยุดทานอาหารตอนกลางคืนเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์หรือมากกว่านั้น ? คุณจะได้สัมผัสกับความแตกต่างที่เกิดขึ้นกับร่างกายของตัวเอง ถ้าคุณหยุดทานอาหารก่อนเข้านอนประมาณ 4-5 ชั่วโมง คุณจะมีสุขภาพโดยรวมที่ดี สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายของคุณมีดังนี้

น้ำตาลในเลือดมีความเสถียรมากขึ้น

เมื่อคุณไม่ทานอาหารแปรรูป หรืออาหารที่มีน้ำตาลสูงก่อนนอน คุณจะมีระดับของน้ำตาลในเลือดที่เสถียรมากขึ้นในขณะที่นอน รวมถึงหลีกเลี่ยงการมีน้ำตาลพุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันสามารถทำให้คุณนอนหลับได้ยากขึ้น และแน่นอนว่ามันจะทำให้คุณตื่นเช้ามาพร้อมกับความรู้สึกไม่สดชื่นอย่างที่ควรจะเป็น

ทานอาหารมื้อดึก

ทานอาหารมื้อดึก จะรู้สึกดีตอนตื่นนอน

ถ้าคุณหยุดทานอาหารมื้อดึก คุณอาจรู้สึกได้ถึงความแตกต่างในเช้าวันถัดมา ซึ่งมันจะยิ่งเป็นความจริงหากอาหารที่คุณทานมีรสหวาน หรือมีความมันสูง เพราะอาหารเหล่านี้สามารถทำให้คุณรู้สึกบวม หรือแน่นท้องในตอนเช้า การหลีกเลี่ยงอาหารดังกล่าวอาจช่วยลดความรู้สึกไม่สบายตัว ทำให้คุณเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยความสดใส

นอนหลับได้ดีขึ้น

ระบบย่อยอาหารจะทำงานได้ไม่ดีในตอนกลางคืน ดังนั้นการทานอาหารแบบจัดเต็มตอนเย็น หรือช่วงกลางดึกจะทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนักเกินไป โดยเฉพาะบรรดาอาหารดิบที่จะย่อยยากเป็นพิเศษในตอนกลางคืน ส่งผลให้เกิดอาการท้องอืด และทำให้คุณนอนแบบกระสับกระส่าย หรือนอนหลับได้ยากขึ้น ซึ่งมีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่า การนอนไม่เพียงพอสามารถทำให้น้ำหนักเพิ่มในระยะยาว

กล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น

ฮอร์โมนบางชนิดจะถูกหลั่งออกมาตอนเย็นและตอนกลางคืน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ เมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้คุณง่วงนอน และฮอร์โมนโซมาโตโทรปิน หรือที่รู้จักกันในชื่อของโกรทฮอร์โมน ซึ่งมีส่วนช่วยให้มวลกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญคือ การหลั่งฮอร์โมนโซมาโตโทรปินจะเพิ่มขึ้นถ้าคุณไม่ได้ทานอาหารเป็นเวลา 12 ชั่วโมง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่คุณควรงดทานอาหารว่างหลังมื้อเย็น เพื่อให้ฮอร์โมนหลั่งออกมาได้เต็มที่

ลดการอักเสบ

Courtney Peterson ผู้ช่วยศาสตราจารย์ที่ Pennington Biomedical Research Center กล่าวว่า การอดอาหารเพื่อฟื้นฟูกล้ามเนื้อ และ ลดการอักเสบในร่างกายถือเป็นเรื่อง ที่มีประโยชน์เป็นอย่างมาก ซึ่งนั่นหมายความว่า การงดของว่างในช่วงกลางคืนจะช่วยให้ร่างกายได้มีเวลาสำหรับฟื้นฟูตัวเอง

ทานอาหารมื้อดึกจะมีระดับของความหิวที่เสถียรในวันถัดมา

Michelle Pellizzon นักโภชนาการ ได้อธิบายว่า การไม่ทานอาหาร ก่อนเข้านอน จะช่วยลด เกรลิน ซึ่งเป็น ฮอร์โมน ที่เกี่ยวกับ ความรู้สึกหิว ทำให้ร่างกาย สามารถควบคุม ความรู้สึกหิวกระหายได้ดีขึ้นในวันถัดมา ซึ่งแน่นอนว่า มันจะเป็นผลดีต่อน้ำหนักของคุณเอง

เครดิตเว็บไซต์ : ufarich777

อ่านวิธีทำอาหารอื่นๆ ติดตามได้ที่ : lot-10